เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
Miss Chalanda Khamjun Student ID 5411203044 Junior Field of Early Childhood Education Faculty of Education Chandrakasem Rajabhat University.

เรียนชดเชยครั้งที่ 2

วันที่ 29 กันยายน 2556

- สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของการเรียนการสอนในรายวิชาการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย ภาคเรียนที่ 1/2556
กิจกรรมในห้องเรียน
- อาจารย์ให้นักศึกษาแต่ละคนนำเสนอการทดลองเชิงวิทยาศาสตร์ ระหว่างการทดลองอาจารย์จะให้คำแนะนำ การปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้นักศึกษาได้ไปประยุกต์ใช้ในครั้งต่อไป ซึ่งการทดลองของดิฉัน คือ สีเต้นระบำ 
วิธีการสอน
- คุณครูวางวัสดุ/อุปกรณ์ บนโต๊ะให้เรียบร้อย โดยวางจากขวามือไปซ้ายมือ (เป็นการสอนเรื่องคณิตศาสตร์)                                                                                                                                                             - จากนั้นให้ถามเด็กๆ ว่า เด็กๆ เคยเห็นสิ่งของเหล่านี้ที่ไหนบ้างคะ (เด็กๆ ตอบ)                                         - จากนั้นถามเด็กๆ ว่า เด็กๆ คิดว่าสิ่งของเหล่านี้นำมาทำอะไรได้บ้างคะ (เด็กๆ ตอบ)                               - เด็กๆ ลองคิดดูซิว่าคุณครูจะนำมาทำอะไรเอ่ย (เด็กๆ ตอบ)                                                                       - เริ่มจากเทนมลงในจาน วางทิ้งไว้ให้น้ำนมนิ่งๆ
            - หยดสีผสมอาหารลงไปตรงกลางจาน สีละ 1-2 หยด (ให้เด็กๆ เข้ามามีส่วนร่วมด้วยการหยดสี)
            - ขั้นตอนสุดท้ายหยดน้ำยาล้างจานลงไปบนสีผสมอาหาร ไม่ต้องมากนะคะ ทีละ 1 หยด เด็กๆ สังเกตสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น (เด็กๆ ตอบ)                                                                                                                   - เมื่อสีหยุดนิ่งแล้วถามเด็กๆ ว่า เด็กๆ คิดว่าเพราะเหตุใดสีถึงเคลื่อนที่ แล้วคุณครูยกตัวอย่างการเคลื่อนที่ของเรือในอ่างน้ำด้วยการดูวิดีโอเรื่องมหัศจรรย์ของน้ำ
                                               
หลักการทางวิทยาศาสตร์
       การทดลองเกี่ยวกับแรงตึงผิว น้ำยาล้างจานทำให้แรงตึงผิวลดลง นมที่อยู่ใกล้น้ำยาล้างจานจึงแตกกระจายและนมจากส่วนอื่นก็ไหลมาแทนที่และวิ่งชนสี กลายเป็นลวดลายต่างๆ ตอนแรกลักษณะของสีก็เป็นหยดๆ ไม่มีการกระจายตัวเพราะว่านมมีแรงตึงผิวที่พยายามจะยึดผิวหน้าของน้ำนมไว้ (ซึ่งแรงตึงผิวนี้เป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของของเหลว) แต่เมื่อเราหยดน้ำยาล้างจานซึ่งมีสารลดแรงตึงผิว ผสมลงน้ำนม ทำให้สีสามารถกระจายตัวออกไปในน้ำนม                           
คำแนะนำ ปรับปรุงแก้ไขจากอาจารย์ มีดังนี้
          "การทดลองโดยการใช้จานทำให้เด็กมองไม่เห็น ข้อแก้ไข คือ คุณครูต้องแจกอุปกรณ์ให้เด็กๆ ทำเป็นกลุ่ม และให้เด็กได้มีส่วนร่วมในการออกไปทดลองหน้าชั้นด้วย ซึ่งก่อนที่เราจะสอนเรื่องแรงตึงผิวอาจจะให้เด็กได้ชมวิดีโอเรื่องมหัศจรรย์ของน้ำก่อน โดยยกตัวอย่างจากวิดีโอ เช่น การแล่นของเรือกระดาษในอ่างน้ำ และภาพวงกลมที่แสดงถึงความหนาแน่นของโมเลกุล ทำให้เด็กเข้าใจง่ายขึ้น เป็นการเปิดประสบการณ์เดิมของเด็กก่อนไปเชื่อมโยงกับประสบการณ์ใหม่ที่ทำการทดลองทำให้เด็กเข้าใจอย่างต่อเนื่องแล้วเกิดเป็นองค์ความรู้"
- อาจารย์ให้นักศึกษาส่งชิ้นงานที่เหลือ คือ ของเล่นเชิงวิทยาศาสตร์และของเล่นเข้ามุมเสริมประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์
- อาจารย์ให้นักศึกษาส่งงานที่ตกค้างทั้งหมดภายในวันสอบปลายภาคนี้ 
บรรยายกาศการเรียนการสอนในห้องเรียน

หมายเหตุ สอบปลายภาค ประจำภาคเรียนที่ 1/2556
                   ในวันจันทร์ ที่ 7 ตุลาคม 2556 เวลา 14:40 – 16:40 . ห้อง 361/1
Photobucket - Video and Image Hosting

สัปดาห์ที่ 16

วันที่ 25 กันยายน 2556

v  อาจารย์จินตนา  สุขสำราญ  เข้ามาบอกถึงรายละเอียดต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. การทำ Blog จะต้องมี   
- ภาษาที่สวยงามเป็นทางการ
- สรุปจากการอ่านงานวิจัยของตนเองคนละ 1 เรื่อง
- สรุปความรู้ที่ได้จากการดูโทรทัศน์ครู
- สรุปความรู้จากบทความ
2. วันเสาร์ที่ 28 กันยายน 2556 เรียนชดเชย ให้นักศึกษาเตรียมการทดลองวิทยาศาสตร์,สื่อเข้ามุมวิทยาศาสตร์,สื่อเสริมประสบการณ์วิทยาศาสตร์
3. ชี้แจงเอกสารประกอบการสอบปลายภาค : สอบวันที่ 7 ตุลาคม 2556
v  อาจารย์ตฤณ  แจ่มถิ่น  เข้าสอนเวลา 09:20 . อาจารย์ให้นักศึกษาแต่ละคนสรุปองค์ความรู้ที่ได้รับจากการเรียนการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย เป็น Mind Mapping ดังนี้

สรุปองค์ความรู้ที่ได้รับ
การจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ควรเน้นให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางเปิดโอกาสให้เด็กมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมมีประสบการณ์ตรง ได้ลงมือปฏิบัติจริงโดยมีครูเป็นผู้ตอบสนองความสนในของเด็กและส่งเสริมการจัดโครงสร้างความคิดจากประสบการณ์ เพื่อพัฒนามุมมองและความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ รวมถึงการส่งเสริมทัศนคติเกี่ยวกับการดูแลและมีความรับผิดชอบที่รักษาสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวอย่างเหมาะสมตามวัย 
      การจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ระดับปฐมวัยควรส่งเสริมด้านต่างๆ ดังนี้
1. สนับสนุนและส่งเสริมความอยากรู้อยากเห็นของเด็ก
2. สนับสนุนและส่งเสริมความต้องการในการตั้งคำถาม
3. ส่งเสริมการใช้ประสาทสัมผัสในการเรียนรู้ สำรวจ ตรวจสอบ จำแนกสิ่งต่างๆ
4. ส่งเสริมกระบวนการคิด
5. ส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์
6. ส่งเสริมความสนใจในการดูแลและรับผิดชอบต่อสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัว
7. เปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงความรู้สึกชื่นชมยินดีในธรรมชาติ 
Photobucket - Video and Image Hosting

สัปดาห์ที่ 15

วันที่ 18 กันยายน 2556

กิจกรรมในห้องเรียน
- อาจารย์ให้นักศึกษาปฏิบัติสาธิตการทำไข่ตุ๋นทรงเครื่อง ต่อจากการเรียนชดเชยในวันที่ 15 กันยายน 2556 ซึ่งเรียนถึงทฤษฏีการเขียนแผนวิธีการสอน แล้วนำเสนอในรูปแบบของ Mind Mapping ดังนั้นในวันนี้กลุ่มเรียนของเราจึงจัดการสอนวิธีการทำไข่ตุ๋นขึ้น (บทบาทสมมติ มีคุณครูผู้สอน และให้นักศึกษาเป็นนักเรียน) โดยมีเนื้อหาสาระดังนี้ 
องค์ความรู้ที่ได้รับ
ภาพ กิจกรรมการทำไข่ตุ๋นทรงเครื่องในห้องเรียน
อ้างอิงจาก : ไข่ตุ๋นทรงเครื่อง
Photobucket - Video and Image Hosting

เรียนชดเชยครั้งที่ 1

วันที่ 15 กันยายน 2556

- อาจารย์ตฤณ   แจ่มถิ่น มาสอนแทน อาจารย์จินตนา   สุขสำราญ เริ่มตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป

กิจกรรมให้ห้องเรียน
- อาจารย์ให้นักศึกษาทำกิจกรรมการเขียนแผนการทำอาหารสำหรับเด็กปฐมวัย โดยแบ่งเป็นกลุ่มละ 7 คน     แล้วทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ 
แผ่นที่ 1 : Mind Mapping การสอนเด็กทำอาหาร
อาจารย์ให้คิดเมนูอาหารสำหรับเด็ก
แผ่นที่ 2 : Mind Mapping ไข่ตุ๋น
อาจารย์ให้เลือกเมนูอาหารมา 1 เมนู ที่สามารถสอนเด็กได้ ไม่ยากเกินไป กลุ่มของดิฉันเลือกไข่ตุ๋นทรงเครื่อง
แผ่นที่ 3 : Mind Mapping วิธีการทำไข่ตุ๋น
อาจารย์ให้ช่วยกันระดมความคิดวิธีการทำไข่ตุ๋มทรงเครื่องภายในกลุ่ม
แผ่นที่ 4 : เขียนแผนการสอนทำไข่ตุ๋น
อาจารย์ให้เขียนแผนการสอนแบบคร่าวๆ 
- เมื่อเขียนแผนเสร็จให้แต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน 
          จากนั้นให้นักศึกษาแต่ละคนยกมือลงคะแนนเสียงว่าจะเลือกเมนูอะไรใน 4 เมนูที่เพื่อนนำเสนอมี แกงจืด-เต้าฮู้ ข้าวผัดอเมริกัน ไข่ตุ๋นและไข่เจียว โดยคะแนนเสียงส่วนมากเลือกการทำไข่ตุ๋นทรงเครื่อง (กลุ่มของดิฉัน) จากนั้นในวันพุธ ที่ 18 กันยายน 2556 ให้กลุ่มเจ้าของไข่ตุ๋นทรงเครื่องนำวัสดุ/อุปกรณ์ มาปฏิบัติจริง โดยมีนักศึกษาเป็นครู 1-2 คน และเพื่อนๆ ที่เหลือเป็นนักเรียน (บทบาทสมมติ)
Photobucket - Video and Image Hosting

สัปดาห์ที่ 14

วันที่ 11 กันยายน 2556

หมายเหตุ ไม่มีการเรียนการสอน
อาจารย์ชดเชยการเรียนการสอนในวันอาทิตย์ ที่ 15 กันยายน 2556 เวลา 08.30 – 12.00 น.
งานที่อาจารย์ได้มอบหมาย มีดังนี้
 ให้นักศึกษาทุกคนบันทึกการเรียนลง Blog ให้ครบและตรวจสอบองค์ประกอบต่างๆ ให้เรียบร้อย 
Photobucket - Video and Image Hosting

สัปดาห์ที่ 13

วันที่ 4 กันยายน 2556

หมายเหตุ ไม่มีการเรียนการสอน
อาจารย์ชดเชยการเรียนการสอนในวันอาทิตย์ ที่ 15 กันยายน 2556 เวลา 08.30 – 12.00 น.
งานที่อาจารย์ได้มอบหมาย มีดังนี้
 ให้นักศึกษาทุกคนบันทึกการเรียนลง Blog ให้ครบและตรวจสอบองค์ประกอบต่างๆ ให้เรียบร้อย 
Photobucket - Video and Image Hosting

สัปดาห์ที่ 12

วันที่ 28 สิงหาคม 2556

ในระหว่างวันที่ 27-28 สิงหาคม 2556  กลุ่มเรียน 103 ได้ไปศึกษาดูงานนอกสถานที่ ดังนี้
วันที่ 27 สิงหาคม 2556  ณ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราภัฎนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา

การบริหารงาน
ภาพ : เกี่ยวกับโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
ภาพ : หลักสูตรการเรียนการสอน

ปฏิทินการปฏิบัติงาน
ปีการศึกษา ๒๕๕๖
ระดับปฐมวัย
โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
สรุปองค์ความรู้จากการศึกษาดูงานที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา

เก็บตกจากเด็กๆ
VDO : เด็กๆ ชั้นอนุบาล 1/3 ร้องเพลงและทำท่าทางประกอบเพลง
VDO : เด็กๆ ทำกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์
แนวทางการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
            โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาจะแทรกประสบการณ์วิทยาศาสตร์ในเรื่องของโครงการ   ซึ่งจะมีกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทั้ง 7 ทักษะ ได้แก่ ทักษะการสังเกต ทักษะการจำแนกประเภท ทักษะการวัด ทักษะการสื่อความหมาย ทักษะการลงความเห็น ทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างมิติกับเวลา และทักษะการคำนวณ 


วันที่ 28 สิงหาคม 2556  ณ โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนาหรือโรงเรียนนอกกะลา จังหวัดบุรีรัมย์
ภาพ : ครูใหญ่โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา

VDO : กรณีศึกษาโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา
ภาพ : ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา
การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นหลัก (Problem – based Learning : PBL)
ตารางเรียนโรงเรียนลําปลายมาศพัฒนา
ภาคเช้า  เราพัฒนาสองด้านคือ ความฉลาดทางด้านอารมณ์  (EQ :  Emotional Quotient) 
            - ความตระหนักรู้ตนเอง  รู้จักตนเอง
            - การจัดการกับอารมณ์  รู้เท่าทันอารมณ์ของตนเอง
            - การจุงใจตนเอง  มองโลกในแง่ดี
            - การเห็นอกเห็นใจ  เอาใจเขามาใส่ใจเรา
            - ทักษะทางสังคม  ละเอียดอ่อน  ปรับตัวเข้ากับสังคมได้
ความฉลาดทางด้านอารมณ์เป็นพื้นฐานสำคัญต่อการดำเนินชีวิตอยู่ในสังคม
ความฉลาดทางด้านจิตวิญญาณ (SQ  :  Spiritual  Quotient)
            เป็นการแสวงหาความหมายของชีวิต  มีจุดหมายในแง่บวก  มีความรู้สึกยิ่งใหญ่  รัก  เคารพ  ผูกพัน  และห่วงใยชีวิตอื่นๆ รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล  เขาใจความหมายของการมีชีวิตอยู่  มองเห็นความงามของสรรพสิ่ง 
ตัวอย่างกิจกรรม  เช่น  การได้เล่นกับเพื่อนๆ ใต้ต้นไม้  การมีปฏิสัมพันธ์กับครูที่เป็นกัลยาณมิตร  การได้รับความรักการโอบกอดจากสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย  การทำกิจกรรมจิตศึกษา
ภาคสาย  เราพัฒนาความฉลาดทางด้านการคิด  (IQ  :  Intellectual Quotient)
            แต่ก่อนเราอาจจะให้ความสำคัญกับ  IQ  (Intekegent Quotient) ที่หมายถึง เชาว์ปัญญา  ที่จริงด้านเชาว์ปัญญาเราพัฒนาให้มีค่ามากขึ้นได้น้อยมาก ตั้งแต่เกิดจนตายบางคนพัฒนาขึ้นน้อยมากหรือบางคนน้อยลงเมื่ออายุมากขึ้น  แต่ความฉลาดทางด้านการคิด  เราสามารถพัฒนาให้สูงขึ้นได้  เช่น  ความสามารถคิดอย่างมีเหตุผล  คิดอย่างเป็นนามธรรม  ความสามารถคิดตีความสิ่งต่างๆ  เป็นต้น
ตัวอย่างกิจกรรม  เช่น  การลงมือปฏิบัติ  การใช้จินตนาการและความคิดอันชาญฉลาดเพื่อเรียนรู้สิ่งพื้นฐานที่จำเป็น
ภาคบ่าย  เราพัฒนาความฉลาดทางด้านร่างกาย  (PQ  :  Physical Quotient)
            ความฉลาดทางด้านร่างกายเป็นพื้นฐานของมนุษย์  ความฉลาดสูงสุดในด้านนี้คือ  การที่มนุษย์สามารถรักษาร่างกายให้สมดุล  ใช้ร่างกายในการดำเนินชีวิตไปอย่างปกติราบรื่นได้  ทำงานสอดประสานกับอวัยวะต่างๆ กับสมองได้อย่างสมบูรณ์  สามารถดูแลบำรุงร่างกายเพื่อให้ดำเนินชีวิตอยุ่ได้อย่างปกติสุข  ถึงแม้จะเกิดมาพร้อมกับความพิการ  แต่ถ้ามีความฉลาดทางด้านร่างกายจะสามารถใช้ร่างกายเท่าที่มีดำเนินชีวิตได้ด้วยดี
ปรัชญาสูงสุดของโรงเรียนลำลปายมาศพัฒนาคือ
"การศึกษาเพื่อพัฒนาความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์"
นั้นคือการพัฒนาทั้ง  4  ด้านที่กล่าวมาข้างต้น
ปัญญาภายใน
            ปัญญาภายในหรือความฉลาดด้านใน หมายรวมถึง ความฉลาดทางด้านจิตวิญญาณ(SQ)  และความฉลาดทางด้านอารมณ์(EQ)  ซึ่งได้แก่ 
            การรับรู้อารมณ์และความรู้สึกของตนเอง(รู้ตัว) และการรับรู้อารมณ์และความรู้สึกของผู้อื่น  มีความสามารถจัดการอารมณ์หรือปรับสมดุลทางอารมณ์ของตนเองได้   
            การเห็นคุณค่าในตัวเอง  คนอื่นและสิ่งต่างๆ  เพื่อการดำเนินชีวิตอย่างมีเป้าหมายและมีความหมาย  
            การอยู่ด้วยกันอย่างภารดรภาพ  ยอมรับในความแตกต่าง  เคารพและให้เกียรติกัน  การมีวินัย  มีความรับผิดชอบต่อตนเองและส่วนรวม  อยู่อย่างพอดีและพอใจได้ง่าย
            การมีสติอยู่เสมอ  รู้เท่าทันอารมณ์เพื่อให้รู้ว่าต้องหยุดหรือไปต่อกับสิ่งที่กำลังเป็นอยู่ การมีสัมมาสมาธิ   เพื่อกำกับความเพียรให้การเรียนรู้หรือการทำภาระงานให้ลุล่วง  มีความอดทนทนทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
            การเห็นความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างตนเองกับสิ่งต่างๆ  นอบน้อมต่อสรรพสิ่งที่เกื้อกูลกันอยู่  
            การมีจิตใหญ่มีความรักความเมตตามหาศาล 
ภาพ : กระทวนทัศน์ของจิตศึกษา
ปัญญาภายนอก
            ปัญญาภายนอกได้แก่การพัฒนาความฉลาดทางด้านร่างกายและด้านสติปัญญา
ความฉลาดทางด้านร่างกาย  (Physical Quotient)
            เป็นการพัฒนาผู้เรียนให้มีความสามารถดูแลและใช้กายอย่างมีคุณภาพ  มีความแข็งแรง  อดทน  อวัยวะทุกส่วนทำงานอย่างสอดประสานกัน
ความฉลาดทางด้านสติปัญญา (Intellectuals Quotient)
            ความฉลาดด้านนี้เป็นการเรียนรู้ของศาสตร์ต่างๆ เพื่อให้เข้าใจต่อโลกและปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น  ซึ่งประกอบด้วยความรู้มากมายหลายแขนงที่จะใช้ในการดำเนินชีวิตหรือการประกอบอาชีพ
"ความฉลาดทางด้านนี้ต้องไปไกลกว่าความรู้ คือความเข้าใจ"

สรุปองค์ความรู้จากการศึกษาดูงานที่โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา

เก็บตกจากเด็กๆ

VDO : เด็กๆ เล่นเกมต่อจิ๊กซอ
แนวทางการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
            โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนาไม่มีวิชาวิทยาศาสตร์  เพราะเน้นการเรียนแบบบูรณาการในภาษาไทย คนิตศาสตร์และโครงการ สิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียนล้วนแต่เป็นการเรียนรู้ด้านวิทยาศตร์ เช่น ต้มไม้ ระบบนิเวศต่างๆ เป็นต้นซึ่งการเรียนแห่งนี้ให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง เพื่อการนำไปใช้ได้จริง ที่ใม่ใช่แค่รู้ทฤษฏี
            การเรียนรู้แบบบูรณาการในแต่ละหน่วยแบบ PBL มีทั้งหมด 4 หน่วย
            1. ตัวเรา
            2. สถานที่
            3. สิ่งแวดล้อม
            4. ธรรมชาติ
            ชั้นอนุบาลและชั้นประถมศึกษาออกแบบการเรียนเหมือนกัน คือ มาตรฐานและตัวชี้วัดพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใต สังคมและสติปัญญา
Photobucket - Video and Image Hosting